สังขยาบัตเตอร์นัท เป็นขนมอร่อยที่มีกลิ่นหอมของครีมชีสและช็อกโกแลต ความนุ่มนวลและรสชาติที่หวานมันมาพร้อมกัน ถ้าคุณต้องการลองทำสังขยาบัตเตอร์นัทในบ้าน เรามีสูตรง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้เอง ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ จนถึงขั้นตอนการเสิร์ฟและการเก็บรักษา
สังขยาบัตเตอร์นัท [VIDEO]
สูตร 1 ผล
บัตเตอร์นัท 1 ลูก
หัวกะทิ ½ ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 4 ฟอง (เบอร์ 3)
น้ำตาลปี๊บ 50 กรัม
เกลือ นิดหน่อย
ใบเตยแก่ๆ ใบใหญ่ๆ 1-2 ใบ
ในคลิป ปริมาณสังขยา ทำได้ปนะมาณ 2-3 ผล ครับ
วัตถุดิบที่ต้องใช้
นี่คือตารางวัตถุดิบที่ต้องใช้:
ส่วน | ปริมาณ |
---|---|
ผลบัตเตอร์นัท | 1 ลูก |
หัวกะทิ | ½ ถ้วยตวง |
ไข่ไก่ | 4 ฟอง (เบอร์ 3) |
น้ำตาลปี๊บ | 50 กรัม |
เกลือ | นิดหน่อย |
ใบเตยแก่ๆ ใบใหญ่ๆ | 1-2 ใบ |
ปริมาณสังขยา | 2-3 ผล |
ขั้นตอนการทำสังขยาบัตเตอร์นัท
ขั้นตอนการทำสังขยาบัตเตอร์นัทคือดังนี้:
- นำผลบัตเตอร์นัทมาล้างให้สะอาดและตัดออกส่วนที่ไม่ต้องการ หลังจากนั้น สับผลบัตเตอร์นัทอย่างละเอียดให้ละเอียดพอสมควร และนำมาวางไว้ในชามใหญ่
- ใส่หัวกะทิลงในกระทะและนำไปใช้ทอดในไฟอ่อน ๆ โดยคอยคนจนหัวกะทิเป็นน้ำมัน และมีกลิ่นหอม
- เมื่อหัวกะทิแปลงเป็นน้ำมันแล้ว กลับเทลงในชามที่มีผลบัตเตอร์นัท คอยคนให้ผสมเข้ากัน
- ใส่ไข่ไก่ลงไปในผสม คนให้เข้ากันจนเนียนและเป็นครีม
- ใส่น้ำตาลปี๊บและเกลือลงในผสม และคอยคนให้เข้ากันอีกครั้ง
- ใส่ใบเตยแก่ๆ ใบใหญ่ๆลงในผสม และคอยคนให้เข้ากันอีกครั้ง
- นำสารปรุงรสเช่น วานิลลาเท่าที่ต้องการมาเติมในผสม และคอยคนให้เข้ากันอีกครั้ง
- ตั้งถาดสำหรับนำผสมสังขยาบัตเตอร์นัทลงไป คอยเตรียมสำหรับการอบ
- เทส่วนผสมลงในถาด และวางช็อกโกแลตสำหรับหลังคา
- นำถาดสังขยาบัตเตอร์นัทไปอบในเตาอบที่ตั้งอุณหภูมิที่ 325 องศาฟาเรนไฮต์ อบเป็นเวลา 25-30 นาทีหรือจนกว่าสังขยาบัตเตอร์นัทจะแข็งตัว
- เมื่อสังขยาบัตเตอร์นัทสุกแล้ว นำออกมาเสิร์ฟทันที และสามารถเสิร์ฟพร้อมกับผลไม้หรือครีมคัสตาร์ดตามความชอบ หรือโรยผงโกโก้บนสังขยาบัตเตอร์นัทก็ได้
คำแนะนำและเคล็ดลับ
นี่คือคำแนะนำและเคล็ดลับในการทำสังขยาบัตเตอร์นัท:
- ใช้ผลบัตเตอร์นัทสด: คุณสามารถเพิ่มรสชาติและความหอมของสังขยาบัตเตอร์นัทได้ด้วยการใช้ผลบัตเตอร์นัทสดแท้จากต้นสดๆ ที่ไม่มีสีเขียวตอนตัดออกมา
- ควบคุมการใช้น้ำตาล: หากคุณชอบสังขยาบัตเตอร์นัทที่หวานมาก คุณสามารถเพิ่มปริมาณน้ำตาลปี๊บตามความชอบของคุณ อย่างไรก็ตาม ควรทดลองก่อนจะเพิ่มน้ำตาลเพราะสังขยาบัตเตอร์นัทจะมีความหวานมาจากช็อกโกแลตและครีมชีสอยู่แล้ว
- ใส่วานิลลาสำหรับรสชาติ: การเพิ่มวานิลลาสำหรับรสชาติหอมเป็นเคล็ดลับที่ดี เพราะมันจะเสริมรสชาติของสังขยาบัตเตอร์นัทอย่างมหาศาล
- การเตรียมถาดอบ: ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำสังขยาบัตเตอร์นัท ควรเตรียมถาดสำหรับนำผสมไปอบให้พร้อม และควรทาด้วยน้ำมันหรือเนยเล็กน้อยเพื่อป้องกันการติดตัวของขนม
- การคอยเฝ้าดูระหว่างการอบ: สังขยาบัตเตอร์นัทมีเวลาอบสั้น ๆ ควรคอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เผลออบนานเกินไปและทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลง
- การเสิร์ฟ: เมื่อสังขยาบัตเตอร์นัทสุกแล้ว ควรเสิร์ฟทันทีเพื่อรับประทานในสภาพร้อนๆ ที่นุ่มนวลและอร่อยที่สุด
การเสิร์ฟและการเก็บรักษา
การเสิร์ฟและการเก็บรักษาสังขยาบัตเตอร์นัท:
การเสิร์ฟ:
เมื่อสังขยาบัตเตอร์นัทสุกแล้ว ควรเสิร์ฟทันทีเพื่อรับประทานในสภาพร้อนๆ ที่นุ่มนวลและอร่อยที่สุด คุณสามารถเสิร์ฟสังขยาบัตเตอร์นัทได้ตามต้องการ เรามีสองวิธีการเสิร์ฟแนะนำ:
- พร้อมผลไม้: คุณสามารถเสิร์ฟสังขยาบัตเตอร์นัทพร้อมผลไม้สด เช่น สตรอเบอร์รี่หรือเบอรี่แยม นี่เป็นวิธีที่เพิ่มความสดชื่นและความหวานของขนม
- พร้อมครีมคัสตาร์ด: หรือถ้าคุณต้องการความหอมหวานเพิ่มเติม สามารถเสิร์ฟพร้อมครีมคัสตาร์ดหรือซอสช็อกโกแลตได้ ครีมคัสตาร์ดจะเสิร์ฟเป็นตัวเลือกที่อร่อยมาก และเพิ่มความเข้มข้นให้กับสังขยาบัตเตอร์นัท
การเก็บรักษา:
หลังจากที่คุณเสิร์ฟสังขยาบัตเตอร์นัทแล้ว หากยังเหลือขนมเก็บไว้ เรามีวิธีการเก็บรักษาให้สังขยาบัตเตอร์นัทยังคงความอร่อยได้อย่างดี:
- เก็บในตู้เย็น: คุณสามารถเก็บสังขยาบัตเตอร์นัทในตู้เย็นได้ เพียงใช้ถาดปิดหรือฟอยล์มพลาสติกห่อรอบขนมเพื่อรักษาความครีมโดยเฉพาะ ขนมสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้เป็นเวลาไม่เกิน 3-4 วัน
- การแช่แข็ง: ถ้าคุณต้องการเก็บสังขยาบัตเตอร์นัทนานๆ คุณสามารถแช่แข็งได้ ให้ห่อขนมด้วยฟอยล์มพลาสติกหรือถาดปิด และเก็บในช่องแช่แข็ง ขนมสามารถเก็บไว้นานถึง 2-3 เดือนในสภาพแช่แข็ง
- การก้อนคลุก: หากคุณต้องการก้อนคลุกเพื่อรับประทานในภายหลัง ควรนำขนมออกจากตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งและประคบด้วยไมโครเวฟหรืออบในเตาอบที่อุณหภูมิต่ำเพื่อให้นุ่มนวลอีกครั้งก่อนการเสิร์ฟ
ความแตกต่างระหว่างสังขยาบัตเตอร์นัทและบราวนี่
สังขยาบัตเตอร์นัทและบราวนี่เป็นสองขนมหวานที่น่าหลงใหลและมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในด้านรสชาติและส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการทำครั้งนี้ขออธิบายความแตกต่างระหว่างทั้งสองขนมให้เข้าใจ
สังขยาบัตเตอร์นัทเป็นขนมอร่อยที่มีลักษณะคล้ายกับชีสเค้ก มันมีฐานที่ทำจากผลบัตเตอร์นัทละมุนและครีมชีสที่นุ่มนวล รสชาติหวานของช็อกโกแลตยิ่งเติมเต็มความอร่อยของขนมนี้ สังขยาบัตเตอร์นัทมักถูกเสิร์ฟพร้อมผลไม้สดหรือครีมคัสตาร์ดเพื่อเพิ่มความหอมหวานและความสดชื่นในการรับประทาน
บราวนี่ก็เป็นขนมหวานที่น่ารักและอร่อย แต่มีความแตกต่างในส่วนประกอบหลัก บราวนี่มีฐานที่ทำจากช็อกโกแลตแท้ที่หนาและหอม รสชาติของบราวนี่มักเป็นความหวานและเข้มข้นของช็อกโกแลตที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน แท้จริงแล้วบราวนี่มักไม่มีครีมชีสเหมือนสังขยาบัตเตอร์นัท แต่มีช็อกโกแลตสีน้ำตาลหรือวานิลลาที่ครอบคลุมขนมอย่างสวยงาม
ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างสังขยาบัตเตอร์นัทและบราวนี่อยู่ที่ส่วนประกอบหลักและรสชาติ สังขยาบัตเตอร์นัทมีครีมชีสและรสชาติครีมชีสที่นุ่มนวล ในขณะที่บราวนี่มีช็อกโกแลตที่หวานเข้มและเข้มข้น ทั้งสองขนมนี้เป็นเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนรักขนมหวานแต่อาจมีรสชาติและความสดชื่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน.
วิธีการหลอมช็อกโกแลต
วิธีการหลอมช็อกโกแลตเพื่อใช้ในการทำสังขยาบัตเตอร์นัทคือดังนี้:
- เตรียมช็อกโกแลต: นำช็อกโกแลตที่คุณต้องการหลอมมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือบีบช็อกโกแลตให้บางเพื่อให้มันหลอมง่ายขึ้น
- เตรียมกระทะหลายชั้น: ใช้กระทะมีหลายชั้น โดยที่ชั้นบนต้องมีรูปแบบเพื่อให้ไอน้ำที่สกัดออกได้รวดเร็ว และชั้นล่างใส่น้ำร้อนเพื่อสร้างความร้อนสำหรับหลอมช็อกโกแลต
- นำช็อกโกแลตไปในกระทะ: นำช็อกโกแลตที่คุณเตรียมไว้ไปในชั้นบนของกระทะ แต่ให้แน่ใจว่าชั้นล่างมีน้ำร้อนอยู่
- หลอมช็อกโกแลต: คอยสังเกตระหว่างหลอมช็อกโกแลต ใช้เครื่องคนผสมหรือไม้กวาดคนช็อกโกแลตอย่างช้าๆ โดยอย่าให้มีน้ำติดช็อกโกแลต
- ตรวจสอบอุณหภูมิ: เมื่อช็อกโกแลตหลอมทั้งหมด ใช้เทริมิเตอร์ความร้อนเพื่อตรวจสอบว่าอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 45-50 องศาเซลเซียส
- ถอดออก: เมื่อช็อกโกแลตหลอมเสร็จสิ้น ถอดออกจากกระทะโดยระมัดระวังอย่าให้น้ำร้อนเข้ามาในช็อกโกแลต
- นำไปใช้งานหรือทำขนม: ช็อกโกแลตที่หลอมเสร็จสามารถนำไปใช้ในการทำสังขยาบัตเตอร์นัทหรือขนมอื่น ๆ ตามต้องการของคุณ
การหลอมช็อกโกแลตเป็นกระบวนการที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากช็อกโกแลตมีจุดหลอมตัวที่ค่อนข้างต่ำ หากมีน้ำเข้ามาหรือถูกสัมผัสน้ำร้อนมากเกินไป อาจทำให้ช็อกโกแลตกัดหรือแย่งความเร็วในการตั้งตัว ดังนั้น ควรระมัดระวังและคอยสังเกตขณะหลอมช็อกโกแลตอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการทำขนม.
วิธีการผสมไข่และน้ำตาล
วิธีการผสมไข่และน้ำตาลในการทำสังขยาบัตเตอร์นัทคือดังนี้:
- เตรียมไข่และน้ำตาล: ก่อนที่คุณจะเริ่มผสม ควรเตรียมไข่และน้ำตาลล่วงหน้า ใช้ไข่ไก่ 4 ฟอง (เบอร์ 3) และน้ำตาลปี๊บ 50 กรัม
- คั่วน้ำตาล: นำน้ำตาลปี๊บไปคั่วในกระทะอย่างช้าๆ บนไฟอ่อน ๆ คอยคนอ่านน้ำตาลเรียบ ๆ จนน้ำตาลละลายและกลายเป็นสีน้ำตาลทอง
- ผสมไข่: เมื่อน้ำตาลละลายแล้ว นำไข่ไก่มาผสมเข้ากับน้ำตาลที่คั่วแล้ว คอยคนเบา ๆ จนไข่และน้ำตาลผสมเข้ากันเป็นครีม
- ควบคุมความร้อน: ในขณะที่คุณกำลังผสม ควรควบคุมความร้อนให้ต่ำและค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันการเค็มเกิดขึ้น
- ควบคุมเวลา: ควรผสมไข่และน้ำตาลอย่างช้า ๆ และคอยตรวจสอบอุณหภูมิในกระทะ เพื่อไม่ให้น้ำตาลคั่วมากเกินไป
- สุดท้าย: เมื่อผสมไข่และน้ำตาลได้เป็นครีมครีมขนมหวานแล้ว คุณสามารถนำมาใช้ในการทำสังขยาบัตเตอร์นัทต่อไปได้ตามความต้องการของคุณ
การผสมไข่และน้ำตาลในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำสังขยาบัตเตอร์นัท เนื่องจากมันช่วยให้สังขยาบัตเตอร์นัทมีความหวานและครีมนุ่มนวล อย่างไรก็ตาม ควรควบคุมความร้อนและเวลาอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้น้ำตาลคั่วหรือขนมมีรสเค็มเกินไป.
การเตรียมสารปรุงรส
การเตรียมสารปรุงรสในสูตรสังขยาบัตเตอร์นัทนั้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเพิ่มรสชาติและความหอมของขนม สารปรุงรสที่ใช้บ่งบอกถึงความหลากหลายในรสชาติและการเสนอแนะต่อชิมของสังขยาบัตเตอร์นัท นี่คือวิธีการเตรียมสารปรุงรส:
- วานิลลา: นำวานิลลามาใช้เพื่อเพิ่มรสชาติหวานและความหอมหวานในสังขยาบัตเตอร์นัท ควรใช้วานิลลาแท้และใส่ตามปริมาณที่ต้องการในสูตร
- เกลือ: การใส่เกลือในสังขยาบัตเตอร์นัทช่วยเพิ่มความเข้มข้นและยกรสชาติของช็อกโกแลตและครีมชีส ควรใช้เกลือนิดหน่อยตามรสชอบ
- วานิลลาสำหรับรสชาติ: หากคุณต้องการรสชาติวานิลลาที่เข้มข้น คุณสามารถเติมวานิลลาสำหรับรสชาติในสูตร และปรับปริมาณตามรสชอบ
- ร่องรสชาติเสริม: การใส่สารปรุงรสเสริมเช่น เซอร์โรเราะพาปาร์มีซาน สามารถเพิ่มความคึกคักและเข้มข้นของรสชาติได้ คุณสามารถใช้สารปรุงรสนี้ตามความชอบและปริมาณที่ต้องการ
- เสริมกลิ่นหอม: การใช้สารเสริมกลิ่นหอม เช่น วานิลลาสำหรับกลิ่นหอม สามารถเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมของสังขยาบัตเตอร์นัท คุณสามารถเพิ่มสารเสริมกลิ่นหอมนี้ตามความชอบและความหอมที่ต้องการในขนม
การเตรียมสารปรุงรสเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำสังขยาบัตเตอร์นัทเพื่อให้ขนมมีรสชาติและกลิ่นหอมที่ครบถ้วนและอร่อยตามต้องการของคุณ. คุณสามารถปรับปริมาณของสารปรุงรสต่าง ๆ ตามรสชอบของคุณเพื่อให้ได้รสชาติที่ตรงใจและอร่อยที่สุด.
การทำสังขยาบัตเตอร์นัท
การทำสังขยาบัตเตอร์นัทเป็นกระบวนการที่น่าสนุกและอร่อย โดยสร้างขนมหวานที่มีรสชาติหวานนุ่มนวลและเข้มข้นของช็อกโกแลต นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำสังขยาบัตเตอร์นัทในบ้านได้:
เตรียมส่วนประกอบหลัก: ในการทำสังขยาบัตเตอร์นัท คุณจะต้องเตรียมวัตถุดิบหลักที่รวมถึงบัตเตอร์นัท หัวกะทิ ไข่ไก่ น้ำตาลปี๊บ และใบเตย ส่วนใหญ่สามารถหาซื้อได้ง่ายในร้านสะดวกซื้อท้องถิ่น
หลอมช็อกโกแลต: ใช้กระทะหลายชั้นโดยใส่ช็อกโกแลตไว้บนชั้นบนสุด และน้ำร้อนไปยังชั้นล่าง คอยผสมช็อกโกแลตจนละลายและเป็นครีม
ผสมไข่และน้ำตาล: ในขณะที่ช็อกโกแลตหลอม คุณสามารถเตรียมไข่และน้ำตาลได้โดยผสมไข่ไก่และน้ำตาลปี๊บด้วยกัน ควรผสมให้เข้ากันเป็นครีมนุ่ม
ผสมสารปรุงรสและเสริมกลิ่นหอม: คุณสามารถใส่สารปรุงรสเช่น วานิลลา และเกลือตามรสชอบ และสารเสริมกลิ่นหอมได้ตามความชอบ ที่สำคัญคือควรผสมให้เข้ากันอย่างดี
ผสมส่วนประกอบหลัก: นำส่วนประกอบหลักที่คุณเตรียมไว้ คือ บัตเตอร์นัท หัวกะทิ และใบเตย ผสมเข้ากับช็อกโกแลตที่หลอมแล้ว ควรผสมให้เข้ากันอย่างดีและครีม
เทในพิมพ์: นำส่วนผสมที่คุณผสมเข้ากันไปเทในพิมพ์สังขยาบัตเตอร์นัท และคลุกให้เรียบร้อย
รอให้สำเร็จแข็ง: คุณควรรอให้สังขยาบัตเตอร์นัทแข็งสนิทโดยเก็บในตู้เย็นหรือแช่แข็ง นี่จะช่วยให้ขนมแข็งและเริ่มมีความหวาน
การทำสังขยาบัตเตอร์นัทอาจจะเร็วและง่ายกว่าที่คุณคิด และผลลัพธ์จะทำให้คุณประทับใจเพื่อนและครอบครัวด้วยขนมหวานอร่อยที่คุณทำเองได้ในบ้าน.
สรุป
ในการทำสังขยาบัตเตอร์นัท คุณได้เรียนรู้ว่ากระบวนการนี้ไม่แค่สนุกและอร่อย แต่ยังเป็นวิธีที่ดีในการสร้างขนมหวานที่อร่อยและนุ่มนวลในบ้านของคุณเอง ด้วยวัตถุดิบที่ง่ายต่อการหาและขั้นตอนที่ไม่ยากเกินไป คุณสามารถสร้างสังขยาบัตเตอร์นัทที่อร่อยและเป็นของฝากที่น่ารักได้ ลองทำตามขั้นตอนข้างต้นและให้คนรอบข้างได้ลิ้มรสชาติของสรรพคุณขนมหวานนี้กันเถอะครับ!
FAQs
สามารถใช้ช็อกโกแลตสำหรับหลอมที่มีรสชาติเซมิสวีทแทนได้หรือไม่?
ใช่ได้ครับ คุณสามารถใช้ช็อกโกแลตที่มีรสชาติเซมิสวีทแทนช็อกโกแลตแบบธรรมดาได้ แต่รสชาติอาจมีความแตกต่างลองรสชาติก่อนการใช้ในสูตรอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าถูกใจคนรับประทาน
สามารถเพิ่มถั่วคั่วหรือผลไม้สดเข้าไปในสังขยาบัตเตอร์นัทได้หรือไม่?
ได้ครับ คุณสามารถเพิ่มถั่วคั่วหรือผลไม้สดเข้าไปในสังขยาบัตเตอร์นัทเพื่อเพิ่มความหอมหวานและความสดชื่นในรสชาติของขนม
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการหลอมช็อกโกแลตคือเท่าไหร่?
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการหลอมช็อกโกแลตอยู่ระหว่าง 45-50 องศาเซลเซียสครับ ควรใช้เทริมิเตอร์ความร้อนเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ
สามารถเสิร์ฟสังขยาบัตเตอร์นัทพร้อมอะไรบ้าง?
สังขยาบัตเตอร์นัทสามารถเสิร์ฟพร้อมผลไม้สดหรือครีมคัสตาร์ดเพื่อเพิ่มความหอมหวานและความสดชื่นในรสชาติ
สังขยาบัตเตอร์นัทควรเก็บรักษาอย่างไร?
คุณสามารถเก็บรักษาสังขยาบัตเตอร์นัทในตู้เย็นหรือแช่แข็ง นี่จะช่วยให้ขนมแข็งและรสชาติคงที่นานขึ้น ควรใช้ซองลูกฟูกหรือฟอยล์อาหารเพื่อป้องกันความชื้นและกลิ่นอื่น ๆ จากอาหารอื่นที่เก็บร่อยไว้ในตู้เย็นหรือแช่แข็ง.