5 จุดเช็คอินชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งสังขละบุรี

สังขละบุรีเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์และอารมณ์บรรยากาศที่สวยงามมากมาย ถ้าคุณกำลังวางแผนท่องเที่ยวไปสังขละบุรีแล้ว คุณควรทราบถึงจุดเช็คอินชวนสัมผัสที่จะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับเสน่ห์แห่งสังขละบุรีได้อย่างเต็มที่ ในบทความนี้เราจะแนะนำ 5 จุดเช็คอินที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อเยี่ยมชมสังขละบุรี มาเริ่มกันเลย!

1. วัดสังขละบุรี

เมื่อคุณมาถึงสังขละบุรี อย่าลืมเช็คอินที่วัดสังขละบุรี เป็นวัดที่มีความสวยงามและเป็นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของสังขละบุรี เจ้าหน้าที่ที่นี่เป็นกันเองและเป็นกันเอง เราแนะนำให้คุณเดินชมวัดสังขละบุรีให้ครบทุกมุม และอย่าลืมถ่ายรูปเพื่อเก็บความทรงจำไว้ด้วย

2. ถ้ำแก้วเหลือง

ถ้ำแก้วเหลืองเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นในสังขละบุรี ที่นี่คุณจะได้เสมือนเดินเข้าสู่โลกใต้ดินที่มีธรรมชาติที่สวยงามและน่าทึ่ง ในถ้ำคุณสามารถเห็นตะเข็บและสัตว์น้ำต่างๆ อย่างได้อิสระ อย่าลืมเตรียมกล้องถ่ายรูปเพื่อจับภาพความสวยงามที่ไม่เหมือนใครในถ้ำแก้วเหลือง

3. หาดทรายสวย สังขละบุรี

หากคุณคิดถึงทะเลและหาดทรายที่สวยงาม คุณต้องเช็คอินที่หาดทรายสวย สังขละบุรี ที่นี่มีทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสจนสามารถมองเห็นปลาสวยงามใต้น้ำได้อย่างชัดเจน คุณสามารถพักผ่อนและผ่อนคลายบนริมหาดได้ตลอดทั้งวัน อากาศบริสุทธิ์และบรรยากาศที่เงียบสงบยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้คุณอีกด้วย

4. สวนสัตว์สังขละบุรี

สวนสัตว์สังขละบุรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับครอบครัว ที่นี่คุณจะได้เดินชมสัตว์ที่น่ารักและน่าสนใจในสภาพแวดล้อมที่เหมือนบรรยากาศธรรมชาติ คุณสามารถเห็นสัตว์ที่มีจำนวนมากเช่น ช้าง เสือ สิงโต และนกและสัตว์น้ำอีกมากมาย อย่าลืมเดินเล่นในสวนสัตว์และพิมพ์รอยเท้าของคุณในหน้าความทรงจำของสวนสัตว์สังขละบุรี

5. ตลาดน้ำท่าแพ

เช็คอินที่ตลาดน้ำท่าแพเป็นอีกหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาสังขละบุรี ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ คุณสามารถเรือนางรม เรือคู้ชาย และเรือหาดทราย เพื่อเดินชมและสัมผัสกับการค้าของชาวบ้านที่นี่ คุณยังสามารถสั่งอาหารอร่อยที่ตลาดน้ำท่าแพได้ และเพลิดเพลินกับการชิมอาหารท้องถิ่นที่มีรสชาติอันหลากหลาย

สรุป

สังขละบุรีเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจอย่างมากมาย ด้วยจุดเช็คอินที่มีทั้งวัดสังขละบุรี ถ้ำแก้วเหลือง หาดทรายสวย สวนสัตว์สังขละบุรี และตลาดน้ำท่าแพ คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์แห่งสังขละบุรีได้อย่างเต็มที่ เตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการเที่ยวสุดประทับใจในสังขละบุรี!

FAQs

1. สังขละบุรีมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากที่กล่าวมาแล้วหรือไม่?

ใช่, นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวที่กล่าวถึงในบทความนี้ สังขละบุรียังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น น้ำตก วัดอื่นๆ และสถานที่สำหรับการเดินป่า เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของสังขละบุรีอย่างเต็มที่

2. มีที่พักที่น่าสนใจในสังขละบุรีหรือไม่?

ใช่, สังขละบุรีมีที่พักหลายแห่งที่น่าสนใจ ตั้งแต่รีสอร์ทริมทะเล วิลล่าส่วนตัว ไปจนถึงโฮมสเตย์และโรงแรมระดับมาตรฐาน คุณสามารถเลือกที่พักตามความต้องการและงบประมาณของคุณได้

3. เวลาที่เหมาะสมในการเยี่ยมชมสังขละบุรีคือเวลาไหน?

สังขละบุรีเหมาะสำหรับการเยี่ยมชมตลอดทั้งปี แต่เวลาที่เยี่ยมชมที่เหมาะสมสำหรับการเล่นน้ำทะเลคือช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมเมื่ออากาศร้อนสบายและทะเลสงบ

4. สังขละบุรีห่างจากกรุงเทพฯกี่กิโลเมตร?

สังขละบุรีห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 165 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร

5. อาหารอร่อยที่ควรลองที่สังขละบุรีมีอะไรบ้าง?

ในสังขละบุรีมีอาหารอร่อยหลากหลาย เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ กุ้งทอดกระเทียมพริกไทย ปลาทูทอดน้ำปลา และขนมจีนน้ำยาปู คุณควรลองสัมผัสรสชาติอร่อยของอาหารพื้นเมืองในสังขละบุรี

5 จุดเช็คอินชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งสังขละบุรี [ENG CC] [VIDEO]

กาญจนบุรี
1 สะพาญมอญสังขละบุรี
GPS : https://goo.gl/maps/phg23sATPdg92Ya56

2 จุดขึ้นเรือบริเวณเชิงสะพานมอญสังขละบุรี
เวลาล่องเรือ : 06.00 – 17.00 น.

3 วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่)
พิกัด : หมู่ที่ 2 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
GPS : https://goo.gl/maps/xoZNseMYtS6ABcQV6

4 ร้านหมูจุ่มยาใจ
พิกัด : ตลาดสังขละบุรี ตรงข้ามเซเว่น

5 ด่านเจดีย์สามองค์
พิกัด : ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ติดต่อสอบถามการเปิด-ปิดด่านได้ที่ ตม.สังขละบุรี โทร 034-595-335
GPS : https://goo.gl/maps/cmcnyYrfqHGCXDBt8

ดูข้อมูลเพิ่มเติม https://www.chillpainai.com/scoop/10940/

#สังขละบุรี #กาญจนบุรี #สะพานมอญ

เนื้อหาของวิดีโอ 5 จุดเช็คอินชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งสังขละบุรี [ENG CC]

หากพูดถึงสถานที่ในประเทศไทยที่ต้องไปสัมผัส ตัดให้ได้สักครั้งในชีวิต คงจะต้องมีสิ สังขละบุรีอยู่ใน List อย่างแน่นอนค่ะ เพราะว่าที่นี่เป็นเมือง 2 วัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ระหว่างวิถีชีวิตของชาวไทยมอญ 2 ฝั่งสะพาน อนุสรณ์ เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ผู้คนเป็นมิตรและ สถานที่ท่องเที่ยวมีเอกลักษณ์ จึงทำให้เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ที่ต้องมาเห็นด้วยตาสักครั้งค่ะ ไม่ว่าจะหน้าร้อนที่เราสามารถมองเห็นเมืองบาดาลและวัดจมน้ำได้อย่างสวยงามและชัดเจนที่สุด หรือหน้าฝนที่มีสายหมอกลอยมาให้ฟินเบาๆ และหน้าหนาว อากาศเย็นสบายมากๆ งั้นอย่ารอช้า ชิลไปไหนเขาชวนไปเช็คอินกับ 5 สถาน พี่ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่ง สังขละบุรี จะมีที่ไหนบ้างตามไปดูกันเลยค่ะ มาเริ่มต้นกันด้วยจุดเช็คอินหลักของเมือง สังขละสะพานมอญ หรือว่าสะพานอุตตมานุสรณ์ค่ะ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 417 เมตร สร้างโดยหลวงพ่ออุตตมะและชาวบ้านที่มีความศรัทธา สร้างขึ้นเพื่อเป็นฐาน เชื่อมระหว่างชุมชนชาวมอญ กับชุมชนชาวกะเหรี่ยง ให้เดินข้ามสัญจรไปมาระหว่าง สั่งในน้ำได้สะดวกสบายขึ้นค่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆสามารถเดินเที่ยวชม ฟังไหนก่อนก็ได้ค่ะ แต่ว่าแนะนำให้มาไม่ช่วงเช้าก็ช่วงเย็นๆเลยค่ะ จะได้ไม่ร้อนแล้วก็มั่นใจได้ว่าจะได้รูปสวยๆอย่างแน่นอน ในช่วงเช้าจะมีไกด์เด็กนักเรียนพาเดินชมสะพาน ถ้าเดินเล่นชวนคุยแล้วก็เล่าประวัติความเป็นมาของ ผ่านให้ฟังสุดๆเลยล่ะค่ะ อีกหนึ่งเสน่ห์ของสังขละบุรีที่อยู่ในช่วงเช้าค่ะ เราไม่ควรพลาดกับกิจกรรมการตักบาตร เพื่อนๆสามารถมาต่อ ตักบาตรได้ทั้งจากฝั่ง ฝั่งไทยและฝั่งมอญค่ะแนะนำให้มาถึงบริเวณที่ใส่บาตร การประมาณช่วง 06:00 น นะคะ แล้วก็ข้ามไปใส่บาตรที่ฝั่งมอญ หรือว่าฝั่งเดียวกับวัดวังก์วิเวการามใหม่ คำว่าฝั่งนี้มีตลาดที่เดินซื้อของและร้านอาหาร เช้าอย่างพวกโจ๊กชากาแฟและปาท่องโก๋ให้กินเป็นมื้อเช้าด้วยค่ะ ในส่วนของชุดตักบาตรก็มีให้เลือกซื้ออยู่ริมถนนเลย ชุดละประมาณ 99 บาทค่ะ ถ้ามีชุดมอญให้เลือกใส่ฟรีทั้งของผู้หญิงผู้ชายเลยจ้า พานั่งเรือไปต่อกันที่วัดใต้น้ำหรือว่าเมืองบาดาลแห่ง สังขละบุรีกันค่ะ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ห้ามพลาดของที่นี่ ใครมาถึงแล้วให้เดินไปแถวๆเชิงสะพานมอญ ถ้ามีคนเรือคอยแนะนำและพาเราไปที่ท่าเรือ ซึ่งอยู่ติดกัน สะพานมอญเลยค่ะ แล้วก็จะมีหลากหลาย หลายแบบหลายขนาดให้เลือก ราคาเช่าเหมาเรือทัวร์เมืองบาดาลตกลำละ 500-600 บาทค่ะ ขึ้นอยู่กับ พี่ตกลงแล้ว แผนที่ที่จะไป ส่วนใหญ่แล้วจะรวมประมาณ 3 พี่ขาคือวัดเก่าจมน้ำ หรือวัดวังก์วิเวการาม วัดศรีสุวรรณและวัด จะใช้เวลาล่องเรือประมาณ 1 2 ชั่วโมง 3 วัดที่เราจะล่องเรือไปชม ถ้าสังเกตดีๆ หรือว่ามองจากภาพมุมสูงก็จะเห็นได้ว่าวัดทั้ง 3 ทำมุมเป็นสามเหลี่ยมครบจุดบรรจบของแม่น้ำซองกาเรีย แม่น้ำปิงขี้แล้วแม่น้ำรันตีที่ไหลมารวมกัน เรียกว่าสามเหลี่ยมกระแส ฉันเองค่ะ ใช้เวลาจากสะพานมอญไม่นาน เราก็มาถึงวัดแรกค่ะ คือวัดเก่าจมน้ำหรือว่าวัดวังก์วิเวการามเก่า วัดนี้เป็นวัดมอญวัดแรกที่หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับ ชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงและมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาในปีพ.ศ 2527 ค่ะ สำหรับจุดหมายปลายทางต่อไปของเราก็คือวัดศรีสุวรรณค่ะ ซึ่งเป็นวัด ของชาวกะเหรี่ยง แต่เนื่องจากเรามาในช่วงหน้าฝนค่ะ วัดจมน้ำแบบที่เรียกได้ว่ามิดหลังคาไม่เห็นอะไรเลย เราจึงต้องเดินทางต่อไปยังวัดสุดท้าย หรือว่าวัดสมเด็จเป็นวัดไทยวัดเดียวที่ไม่ถูก น้ำท่วมค่ะ เมื่อมาถึงบริเวณท่าเรือด้านหน้าก็จะมีดอกไม้ขาย ขายชุดละ 20 บาท แล้วเดินขึ้นบันไดไปต่ออีก ประมาณ 50 เมตรก็จะเห็นตัวบ่น ซึ่งภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ค่ะ เราสามารถนำดอกไม้ที่ซื้อมาเข้าไป ตอนนี้เลย นั่งเรือชมวัดเก่ากันแล้ว เราจะพาขึ้นฝั่งไปเที่ยววัดวังก์วิเวการามกันค่ะ วัดนี้ชาวบ้านโดยทั่วไปมักจะเรียกว่าวัดหลวงพ่ออุตตมะ เป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ ที่เป็นศูนย์รวม จิตใจของผู้คนหลากหลาย หลายเชื้อชาติ ที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขะ สระบุรีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยชาวกะเหรี่ยงหรือว่าชาวมอญ มีสถานที่สำคัญอยู่หลายแห่ง ทั้งปราสาท 9 ยอด วิหารพระหินอ่อน และอุโบสถ วัดวังก์วิเวการาม ฝั่งนี้ของวัดก็ยังมีสถาน สถานที่สำคัญ ปิดแห่งนึงค่ะ คือใจดีพูด พุทธคยาจำลอง ที่สร้างขึ้นมาโดยหลวงพ่ออุตตมะ จำนองแบบ เจดีย์พุทธคยาประเทศอินเดีย บนยอดเจดีย์ประดิษฐาน สารีริกธาตุ ที่หลวงพ่ออุตตมะอัญเชิญมาจาก ประเทศศรีลังกา เสื้อไว้ให้ชาวบ้านได้มาจาก สักการะบูชาค่ะ สำหรับปราสาท 9 ยอดภายในจะเป็นที่ตั้งของโรงบรรจุ เหรียญของหลวงพ่อ อุตตมะค่ะ มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปกรรมของชนชาติมอญ ทำโดยฝีมือช่าง เชียงใหม่ ตัวลงจะเจาะช่องใส่กระจกให้สามารถมองเห็นภายในได้เรียกว่าลายขุนแผนเปิดม่าน แต่เดิมมีความเชื่อกันว่า การทำปราสาทมอญเป็นการส่งวิญญาณให้ไปสถิตณสรวงสวรรค์ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดค่ะ หาที่เราควรเข้าไปสัก เพื่อความเป็นสิริมงคลให้ เองจ้า เที่ยวกันจนเหนื่อยแล้วไปหาอะไรกินกันบ้างดีกว่าค่ะ เราจะพาเพื่อนๆไปกินหมูจุ่มไม้ละบาท ที่ร้านยาใจ ร้านนี้คนท้องถิ่นเขาแนะนำเลย อยู่บริเวณหน้าเซเว่นสังขละบุรีค่ะ เริ่มขายตั้งแต่ประมาณ 17:00 น ของทุกวัน ที่นี่ ทุกคนก็จะ จับจองที่นั่งค่ะ แล้วก็เริ่มกินหมูจุ่มจากหมอมากินกัน โดยเนื้อหมูและเครื่องในจะถูก เป็นชิ้นเล็กๆเสียบไม้เป็นรอยไม้วางเรียงอยู่ในม ที่มีรสหวานจังๆคล้ายกับน้ำพะโล้ รอให้ทุกคนไปหยิบทานกันได้ตามใจชอบเลยค่ะ ทานพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่มี 2 สูตรให้เลือก ถ้าใครชอบรสชาติจัดจ้านหน่อย ต้องจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเลยค่ะ แต่ถ้าใครชอบรสชาติที่อ่อนลงมาหน่อย แต่ก็ยังมีความเผ็ดนัวๆ ก็ต้องจิ้มกับซอสพม่าเลยค่ะ บอกเลยว่าอร่อยถูกใจจนเพลินอย่างแน่นอนจ้า ปิดท้ายกันด้วยการไปช้อปปิ้งที่ด่านเจดีย์สามองค์หรือว่าหินสามกองค่ะ การพรมแดนระหว่างประเทศไทยและพม่า ซึ่งตามคำบอกเล่าได้กล่าวไว้ว่า ในสมัยก่อนที่แห่งนี้ ช่องทางเดิน ที่สำคัญในการทำ สงครามไทยพม่า ต่อมาในปีพ.ศ 2472 ศรีสุวรรณคีรีเจ้าเมือง สังขละบุรี จึงได้นำชาวบ้านมาสร้างเจดีย์จากหินกองใหญ่ จนกลายเป็นเจดีย์ 3 3 องค์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันค่ะ หากใครมาเที่ยวบริเวณนี้ เราขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการไปสักการะเจดีย์สามองค์ก่อนเลยค่ะ จากนั้นก็เดินเล่นแบบซื้อของฝากตามร้านต่างๆที่อยู่บริเวณด่าน ซึ่งมีสินค้ามากมายที่มาจากฝั่งพม่า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ เครื่องหมายของตกแต่งบ้าน ทักไลน์เดินจนเบื่อแล้วไม่รู้จะไปไหนต่อ ก็สามารถข้ามฝั่ง ไปเที่ยวพม่ากันได้ค่ะ ใช้แค่บัตรประชาชนและชำระค่าบริการ โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บบัตรประชา ท้าชนตัวจริงเอาไว้ 1 ใบและให้บัตร น้ำเราก็ข้ามด่านไป เสียค่าธรรมเนียมเข้าฝั่งพม่าอีกคนละ 40 บาท เธอสามารถเข้าออกได้ตั้งแต่เวลา 06:00 น ถึง 18:00 น ค่ะ หรือถ้าใครอยากมีคนนำเที่ยวเพราะมีรถนำเที่ยวด้วยก็มีให้บริการอยู่หลาย เจ้าเลยค่ะ อยู่ใกล้ๆกับด่านเจดีย์สามองค์เลย โดยจะพาเที่ยวประมาณ 5-7 ที่ เช่นเจดีย์ทองหลวงพ่อทันใจวัดเสาร้อยต้น แล้วก็ตลาด มาค่ะ ราคาก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 300 บาท คน หรือว่าตามตกลงจ้า เป็นยังไงกันบ้างครับกับพิกัดดีๆที่เราหยิบมาแนะนำกัน ถูกใจก็อย่าลืมกด Subscribe Channel แล้ว ติดตามแฟนเพจอยู่ไปไหนไม่ได้นะคะ จะได้ไม่พลาดเรื่องราวท่องเที่ยวอัพเดทใหม่จากพวกเรา