แกงสายบัวปลาทูเป็นอาหารที่มีความโดดเด่นและอร่อยมากจากภาคอีสานของประเทศไทย อาหารแบบนี้มีรสชาติแซ่บเผ็ดที่ต้องการของใครหลายคน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน เมนูนี้เป็นทางเลือกที่ดีเพื่อเพิ่มความสดชื่นและรู้สึกสดชื่นในปาก
แกงสายบัวปลาทู อาหารอีสานแซ่บๆ วิธีทำง่ายๆ แซ่บอีหลีจ้า [VIDEO]
ตะไคร้ 3 ต้น
หอมแดง 7 หัว
กระเทียม 2 กลีบ
พริกแห้ง 10 เม็ด
เกลือ 1 ชต.
น้ำ 1,300 มล.
ปลาทู 2 ตัว
สายบัวลอกเปลือก 500 กรัม
มะขามเปียก 10 กรัม
น้ำปลาร้า 2 ทัพพี
น้ำปลา 1 ทัพพี
ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ
ใบแมงลัก (ผักอีตู่) 1 กำ
**ปรุงรสตามชอบ
ส่วนประกอบหลักของแกงสายบัวปลาทู
นี่คือตารางส่วนประกอบหลักของแกงสายบัวปลาทู:
ส่วนประกอบ | ปริมาณ |
---|---|
ตะไคร้ | 3 ต้น |
หอมแดง | 7 หัว |
กระเทียม | 2 กลีบ |
พริกแห้ง | 10 เม็ด |
เกลือ | 1 ช้อนชา |
น้ำ | 1,300 มิลลิลิตร |
ปลาทู | 2 ตัว |
สายบัวลอกเปลือก | 500 กรัม |
มะขามเปียก | 10 กรัม |
น้ำปลาร้า | 2 ทัพพี |
น้ำปลา | 1 ทัพพี |
ผงชูรส | 1 ช้อนโต๊ะ |
ใบแมงลัก (ผักอีตู่) | 1 กำ |
ปรุงรสตามชอบ |
วิธีเตรียมปลาทูสำหรับแกงสายบัวปลาทู
วิธีเตรียมปลาทูสำหรับแกงสายบัวปลาทู:
- ล้างปลาทูอย่างละเอียดใต้น้ำประปรายเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่ติดมาบนผิวปลาและในช่องท้องของปลา.
- หลังจากล้างสะอาดเสร็จสิ้น ให้ใช้กรรไกรหรือมีดคัทออกเสร็จรูปที่ต้องการ เช่น ท่อนหรือแผ่น ตามความชอบของคุณ.
- หากปลาทูมีกระดูกอยู่ คุณสามารถเอากระดูกออกได้โดยใช้มีดและแตะเบาๆเพื่อดึงกระดูกออก.
- เมื่อเตรียมปลาทูเสร็จแล้ว ให้เก็บไว้ในถาดหรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บอาหาร และเก็บในตู้เย็นจนกว่าคุณจะเตรียมใช้ในการทำแกงสายบัวปลาทู.
การเตรียมผักสายบัวและหน่อไม้
การเตรียมผักสายบัวและหน่อไม้เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำแกงสายบัวปลาทู เพราะทั้งสองส่วนนี้มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มรสชาติและความหลากหลายให้กับเมนูนี้ การเตรียมผักสายบัวจะต้องให้ความสำคัญในการล้างให้สะอาดและแยกออกเป็นส่วนยาวๆ โดยที่คุณจะใช้เฉพาะส่วนยอดของผัก ส่วนหลอดและใบที่มีใยอาจต้องถูกตัดทิ้งเนื่องจากมีลักษณะกระด้าง และการเตรียมหน่อไม้ก็คล้ายๆ กัน คุณต้องล้างให้สะอาดและตัดเปลือกออก ทำให้หน่อไม้มีรสชาติหอมๆ และเข้ากับแกงได้ดีมากขึ้น
การล้างผักสายบัวและหน่อไม้ควรใช้น้ำเย็นหรือน้ำจัด และควรทำการแช่ผักในน้ำจัดหรือน้ำเย็นเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อช่วยในการกำจัดความสกปรกและสิ่งสกปรกที่อาจจะติดอยู่บนผัก หลังจากนั้นคุณสามารถนำผักสายบัวและหน่อไม้ออกมาสะเด็ดน้ำและเตรียมใช้ในการทำแกงได้เลย ผักสายบัวและหน่อไม้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แกงสายบัวปลาทูมีความกรอบและหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ของมัน การเตรียมให้ถูกต้องจะทำให้เมนูนี้มีรสชาติที่อร่อยและเผ็ดแบบที่คุณต้องการได้อย่างแท้จริง
ขั้นตอนการผัดแกงสายบัวปลาทู
ขั้นตอนการผัดแกงสายบัวปลาทู:
- เตรียมกระทะหรือหม้อใหญ่โดยใส่น้ำมันลงไปและนำไปตั้งความร้อนกลาง.
- เมื่อน้ำมันร้อนและมีกลิ่นหอม ใส่พริกแห้งที่บดลงในน้ำมัน และผัดพริกให้หอมและหวานขึ้น.
- เมื่อพริกหอมและเริ่มเป็นสีแดง ให้ใส่ปลาทูที่เตรียมไว้ลงไป และผัดปลาให้สุกโดยรอบทั้งสองด้าน ให้ปลามีสีทองสวย.
- ใส่หน่อไม้และผักสายบัวลอกเปลือกที่เตรียมไว้ลงไป ผัดผักให้เข้ากันกับปลาและพริก.
- เติมน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาลงไปในกระทะ และคนให้เข้ากัน.
- เมื่อส่วนประกอบทั้งหมดเริ่มเดือด ให้ปิดไฟ และตักเสิร์ฟแกงสายบัวปลาทูร้อนๆ ร่วมกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวตามความชอบ.
- สามารถปรุงรสตามชอบโดยเพิ่มน้ำปลาร้าหรือน้ำปลา หรือผงชูรสตามความเผ็ดและเปรี้ยวที่คุณต้องการ.
- ตักเสิร์ฟแกงสายบัวปลาทูร้อนๆ พร้อมกับข้าวและผักสด เสิร์ฟในจานใหญ่เพื่อให้คนรอบๆ โต๊ะเข้ารับประทานได้ทันที.
วิธีเสิร์ฟแกงสายบัวปลาทู
วิธีเสิร์ฟแกงสายบัวปลาทู:
- เมื่อแกงสายบัวปลาทูสุกและร้อนๆ ให้ตรวจสอบรสชาติและความเผ็ดตามความชอบของคุณ หากต้องการเผ็ดมากขึ้น คุณสามารถเพิ่มน้ำปลาร้าหรือน้ำปลาได้ตามความชอบ.
- หลังจากที่แกงสายบัวปลาทูสุกแล้ว ให้ตักออกจากกระทะหรือหม้อใหญ่ และเทใส่อ่างเสิร์ฟ.
- ใส่ใบแมงลัก (ผักอีตู่) ที่ล้างและตัดเส้นออกในแกงสายบัวปลาทู ผักอีตู่จะเพิ่มความหอมและรสชาติเพิ่มเติมให้กับแกง.
- เสิร์ฟแกงสายบัวปลาทูร้อนๆ พร้อมกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวที่สุกและอบอร่อย.
- คุณสามารถเสิร์ฟแกงสายบัวปลาทูพร้อมกับผักสดเสริมได้ตามความชอบ เช่น ใบมะกรูด, ใบกะเพรา, และถั่วงอก.
- เมื่อเสิร์ฟแกงสายบัวปลาทูแล้ว คุณและครอบครัวหรือเพื่อนๆ สามารถนั่งรอบๆ โต๊ะกันและสนุกกับมื้ออาหารแสนอร่อยนี้ได้เลย!
วิธีเลือกปลาทูที่ดีในการทำแกงสายบัวปลาทู
การเลือกปลาทูที่ดีในการทำแกงสายบัวปลาทูคือขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้เมนูของคุณมีคุณภาพและรสชาติที่อร่อยมากขึ้น. นี่คือวิธีเลือกปลาทูที่ดี:
- สภาพภายนอกของปลา: เลือกปลาทูที่มีสภาพภายนอกสดใส ไม่มีรอยแตกหรือแตก. ผิวของปลาควรมีสีสวยและมันขึ้นเหนือผิว.
- ดมกลิ่น: ดมกลิ่นของปลาทู เป็นกลิ่นที่ควรมีความสดชื่น ไม่ควรมีกลิ่นประหลาดหรือเน่า.
- สีตามเดิม: สีของปลาทูควรสดและไม่ด่าง ควรมีสีเหมือนเมื่อปลาถูกจับมาจากน้ำในไม่กี่ชั่วโมง.
- ดูการติดตัว: ในกรณีที่คุณซื้อปลาทูที่มีหัวและหางอยู่ ควรดูว่าหัวและหางไม่มีเลื่อนหรือกลอก.
- การเลือกปลามั่นคง: หากคุณไม่มั่นใจในการเลือกปลา ควรถามคนขายปลาในร้านหรือที่ตลาด เขาจะสามารถให้คำแนะนำและช่วยคุณเลือกปลาที่ดีที่สุด.
- ขนาดของปลา: ขนาดของปลาทูจะขึ้นอยู่กับปริมาณที่คุณต้องการทำในแกงสายบัวปลาทู ควรเลือกปลาที่เหมาะสมกับจำนวนคนที่จะรับประทาน.
การเลือกปลาทูที่ดีจะทำให้แกงสายบัวปลาทูของคุณมีรสชาติที่อร่อยและสดชื่นมากขึ้น คุณสามารถแน่ใจได้ว่าคุณกำลังทำเมนูที่อร่อยและคุณภาพสูงในแต่ละครั้งที่เตรียมทำอาหาร.
สรุป
แกงสายบัวปลาทูเป็นเมนูอาหารแบบอีสานที่มีรสชาติแซ่บเผ็ดและอร่อยมาก การทำแกงสายบัวปลาทูไม่ยากนักและสามารถทำได้ในบ้านของคุณเองโดยใช้ส่วนประกอบที่สดใสและคุณภาพ. การเตรียมปลาทูและผักสายบัวและหน่อไม้เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและสดชื่น. เมื่อเสิร์ฟแกงสายบัวปลาทูร้อนๆ พร้อมกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียว คุณจะได้ประสบการณ์อาหารแบบแท้จริงของภาคอีสานที่น่าตามติด.
FAQs
ทำไมแกงสายบัวปลาทูมีชื่อเสียงในภาคอีสาน?
แกงสายบัวปลาทูมีชื่อเสียงในภาคอีสานเพราะเป็นเมนูที่มีรสชาติเผ็ดและอร่อยมาก มีส่วนประกอบที่เข้มข้นและเผ็ดเปรี้ยว ที่มาของพริกและสมุนไพรในภาคอีสานทำให้แกงนี้มีลักษณะแบบพื้นเมือง.
สามารถใช้ปลาอื่นแทนปลาทูได้หรือไม่?
สามารถใช้ปลาอื่นแทนปลาทูได้ แต่ควรเลือกปลาที่มีเนื้อเป็นเนื้อปลาสีขาวและมีรสชาติหอม อย่างเช่น ปลานิลหรือปลาแดดเดียว.
วิธีเก็บรักษาแกงสายบัวปลาทูให้นานได้อย่างไร?
ควรเก็บแกงสายบัวปลาทูในตู้เย็นในภาชนะที่มีฝาปิดอย่างสนิท แกงสายบัวปลาทูสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน.
มีวิธีทำแกงสายบัวปลาทูให้ไม่เผ็ดไหม?
หากคุณไม่ต้องการแกงที่เผ็ดมาก คุณสามารถลดปริมาณพริกแห้งที่ใส่ลงในสูตร หรือเพิ่มน้ำมะขามเปียกเพื่อทำให้แกงมีรสเปรี้ยวมากขึ้น.
แกงสายบัวปลาทูเป็นอาหารที่มีประโยชน์อะไรบ้าง?
แกงสายบัวปลาทูมีประโยชน์ในเรื่องของโปรตีนและวิตามิน ประเภทต่าง ๆ ในปลาทู มีผลต่อสุขภาพของผิวพรรณ ระบบประสาท และสามารถเสริมให้ร่างกายมีพลังงานและความแข็งแรง.